น้ำมันพืชเก่าใช้แล้วอย่าทิ้ง จะซื้อก็ง่าย ขายก็สะดวก
เมื่อน้ำมันพืชขึ้นราคา เราก็ต้องใช้อย่างประหยัด แต่ถ้าน้ำมันพืชใช้แล้วเหลือเยอะควรทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
ในยุคที่ข้าวของ และวัตถุดิบต่าง ๆ โดยเฉพาะน้ำมันพืชพากันขึ้นราคาแบบนี้ แน่นอนว่ากำไรจากการขายเบเกอรี่ก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ในวันนี้ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ จะพาเหล่าผู้ประกอบการเบเกอรี่ทุกคน ไปรู้จักกับช่องทางการหารายได้เพิ่มให้กับร้านเบเกอรี่กันค่ะ นั่นก็คือการนำน้ำมันพืชเก่าจากการทำเบเกอรี่ไปขายนั่นเอง แต่การจะนำน้ำมันเก่าไปขายมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไรบ้าง ต้องนำไปขายที่ไหน และจะขายได้ในราคาเท่าไหร่นั้น วันนี้เรามีคำตอบมาฝากทุกคน
มาทำความรู้จักน้ำมันแต่ละประเภท ก่อนนำไปขาย
ในปัจจุบัน น้ำมันพืชมีอยู่มากมายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันพืชทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งสามารถแบ่งแยกตามประเภทการใช้งานได้ทั้ง หมด 9 ประเภท ได้แก่ น้ำมันปาล์ม, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันงา, น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอะโวคาโด, น้ำมันรำข้าว และน้ำมันมะกอก ซึ่งน้ำมันแต่ละประเภทเหมาะกับการนำไปใช้กับเมนูอาหาร หรือเป็นส่วนผสมในสูตรอาหารแตกต่างกันไป เช่นน้ำมันปาล์มเหมาะกับการนำไปประกอบเมนูอาหารประเภททอด น้ำมันคาโนลาเหมาะกับการนำไปใช้ทำขนม และน้ำมันมะกอก เหมาะกับการนำไปใช้ในการหมักอาหาร หรือเหมาะกับการนำไปใช้ในการทำสลัด เป็นต้นฯ
น้ำมันพืชชนิดไหน เหมาะกับการใช้ทำเบเกอรี่
โดยส่วนใหญ่แล้วกลุ่มคนทำเบเกอรี่ มักนิยมใช้น้ำมันปาล์ม และเนยขาวในการทำเบเกอรี่ แต่จริง ๆ แล้วยังมีน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้ทำเบเกอรี่ได้ ทั้งยังให้คุณภาพที่ดีกว่าอีกด้วย ซึ่งน้ำมันพืชที่สามารถใช้ทำเบเกอรี่แทนน้ำมันปาล์มและเนยขาว ได้แก่
- น้ำมันคาโนลา น้ำมันชนิดนี้เป็นน้ำมันที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ การใช้น้ำมันชนิดนี้ทำเบเกอรี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีทั้งต่อคนทำเบเกอรี่ และผู้บริโภค น้ำมันคาโนลา นิยมนำไปใช้ทำเค้ก ขนมปัง ช็อกโกแลต เป็นต้น
- น้ำมันรำข้าว เป็นอีกน้ำมันที่เหมาะกับการนำไปใช้ทำเบเกอรี่ เพราะน้ำมันชนิดนี้ สามารถทนอุณหภูมิสูง ขณะอบได้ดี ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทั้งยังเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
ขั้นตอนการซื้อ-ขายน้ำมันพืชเก่า
- แยกน้ำมันพืชแต่ละประเภท แล้วนำน้ำมันพืชใช้แล้วบรรจุใส่ขวด หรือปี๊บให้เรียบร้อย แล้วรวบรวมไปที่จุดรับซื้อ
- เมื่อไปถึงจุดรับซื้อ พนักงานจะทำการชั่งรวมน้ำหนักทั้งหมดของน้ำมันบนตาชั่ง
- จากนั้นผู้รับซื้อจะทำการกรองเอาเศษอาหาร คราบตะกอน และน้ำที่เจือปนอยู่ในน้ำมันออก
- เมื่อกรองสิ่งเจือปนออกแล้ว ผู้รับซื้อจะนำภาชนะบรรจุน้ำมันไปทำการชั่งน้ำหนักอีกครั้ง แล้วนำไปลบกับน้ำหนักรวมในรอบแรก ก็จะได้ผลลัพธ์เป็นปริมาณน้ำมันพืชที่เรานำไปขาย
ขายน้ำมันพืชเก่ายังไงให้ได้ราคา
- กรองตะกอนออก น้ำมันพืชใช้แล้วจากการทำเบเกอรี่ หรือการประกอบอาหารอื่น ๆ สามารถนำไปขายสร้างรายได้เพิ่มได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าก่อนจะนำไปขาย เราต้องทำการกรองตะกอน และเศษอาหารที่เจือปนอยู่ในน้ำมันออกให้หมดเสียก่อน เพราะน้ำมันพืชเก่าที่จะขายได้ราคาดี จะต้องมีสีใส ไม่ขุ่นเข้ม และต้องไม่มีตะกอนหรือเศษอาหารเจือปนเท่านั้น
- ระวังอย่าให้มีน้ำผสม เพราะน้ำมันพืชเก่าที่มีน้ำลงไปผสม จะไม่สามารถนำไปสกัดเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้อีก ด้วยเหตุนี้ผู้รับซื้อจึงไม่นิยมรับซื้อน้ำมันพืชเก่าที่มีน้ำลงไปผสมนั่นเอง
- น้ำมันพืชเก่าทุกชนิดมีราคารับซื้อเท่ากัน แต่หากจะขายให้ได้ราคาควรนำไปขายยกปี๊บจะได้ราคาดีกว่านำไปขายแบบบรรจุขวดเพราะผู้รับซื้อจะสามารถนำปี๊บไปใช้ต่อได้ในครั้งต่อไป หรือพูดง่าย ๆ ว่านอกจากขายน้ำมันแล้ว ยังสามารถขายปี๊บไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ต้องระวังไม่ให้ปี๊บมีรอยเจาะ หรือรอยชำรุด เพราะถ้าปี๊บมีรอยชำรุดอาจทำให้ผู้รับซื้อไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้ในครั้งต่อไป
ชี้เป้าสถานที่รับซื้อน้ำมันพืชเก่า
- ขายกับคนรับซื้อของเก่า รถเร่ หรือพ่อค้ารับซื้อในละแวกที่อยู่อาศัย การขายน้ำมันพืชเก่าด้วยช่องทางนี้ มีข้อดีก็คือ เรื่องของความสะดวก สามารถรออยู่ที่บ้าน รอรถ หรือพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อ แต่ข้อเสียก็คือ เราอาจจะต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะมีรถมารับซื้อ หรือเราจะต้องเก็บน้ำมันพืชให้ได้ปริมาณมาก ๆ พ่อค้าคนกลางจึงจะอยากเข้ามาซื้อ ปริมาณน้ำมันพืชที่จะขายอาจจะต้องมีมากกว่า 30 ลิตรขึ้นไป และที่สำคัญอาจจะขายได้ในราคาถูก
- ปั๊มน้ำมันบางจาก 18 สาขา ได้แก่
- สาขา รามอินทรา กม.14
- สาขา สุขาภิบาล 1 (2)
- สาขา มหาดไทย
- สาขา วิภาวดีรังสิต
- สาขา ENCO
- สาขา คู่ขนาน 2
- สาขา สุขุมวิท 99
- สาขา บางซื่อ
- สาขา ประชาอุทิศ
- สาขา จรัญสนิทวงศ์
- สาขา เพชรเกษม 57
- สาขา สุวินทวงศ์ 2
- สาขา แคราย
- สาขา เทิดพระเกียรติ
- สาขา พิบูลสงคราม 2
- สาขา บางบัวทอง 3
- สาขา ปากน้ำ
- สาขา เทพารักษ์ กม.9
ข้อดีในการนำน้ำมันไปขายให้กับจุดรับซื้อของปั๊มบางจาก นั่นก็คือ เราสามารถนำน้ำมันไปขายเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องตุนน้ำมันให้ได้ปริมาณมากแล้วค่อยนำไปขาย ทั้งยังขายได้ในราคาที่สูงกว่าการขายให้กับพ่อค้าของเก่า แต่ข้อเสียก็คือจุดรับซื้อของปั๊มบางจากยังมีไม่ทั่วถึง และไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งจะเห็นได้ว่าจุดรับซื้อของปั๊มบางจากจะมีอยู่แค่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น และที่สำคัญการนำน้ำมันไปขายที่จุดรับซื้อของปั๊มบางจาก สามารถนำไปขายได้ไม่เกินวันละ 30 ลิตร ต่อวัน ต่อคนเท่านั้น และต้องใช้บัตรประชาชนในการรับเงินด้วยทุกครั้ง
อัปเดตราคารับซื้อน้ำมันพืชเก่า
เนื่องจากราคารับซื้อน้ำมันพืชเก่าค่อนข้างผันผวนเป็นอย่างมาก จึงแนะนำให้เหล่าผู้ประกอบการเบเกอรี่ทุกท่านที่มีความสนใจที่จะนำน้ำมันพืชเก่าไปขาย หมั่นคอยตรวจเช็กราคารับซื้ออยู่เป็นประจำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ประกอบการ
- ราคารับซื้อน้ำมันพืชเก่า เฉลี่ย ปี๊บละ 400 - 545 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเดือน มกราคม - สิงหาคม 2565)
- ราคารับซื้อน้ำมันพืชเก่า เฉลี่ย ลิตรละ 20 - 25 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเดือน มกราคม - สิงหาคม 2565)
* ผู้ขายควรหมั่นอัปเดตราคารับซื้ออยู่เป็นประจำ เนื่องจากราคารับซื้อน้ำมันเก่าค่อนข้างผันผวน
เมื่อได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายน้ำมันพืชเก่าที่ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ นำมาฝากแล้วมีผู้ประกอบการท่านไหนที่สนใจจะนำน้ำมันพืชใช้แล้วไปขายบ้างก็อย่าลืมเลือกช่องทางการรับซื้อให้เหมาะสม และที่สำคัญต้องคอยหมั่นอัปเดตราคารับซื้อกันอยู่เสมอ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดที่เหล่าผู้ประกอบการควรจะได้รับนั่นเอง หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว หวังว่าทุกท่านจะได้ไอเดียในการเพิ่มรายได้ให้กับกิจการเบเกอรี่มากยิ่งขึ้น และหากผู้ประกอบการท่านใดกำลังหาซื้ออุปกรณ์เบเกอรี่หรือวัตถุดิบเบเกอรี่ราคาย่อมเยา ก็สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ที่วัตถุดิบเบเกอรี่
วัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพดี
เคล็ดลับอื่นๆ สำหรับคนทำเบเกอรี่
สิ่งที่คุณจะได้รับ:
- ฟรี หลักสูตรอบรมด้านธุรกิจอาหารและการทำอาหาร
- สูตรอาหารและเคล็ดลับที่ดีที่สุดจากเชฟทั่วโลก
- เทรนด์การทำอาหารล่าสุด