6 ข้อควรรู้ก่อนขายเมนูอาหารเจสำหรับร้านอาหาร
มีอะไรที่ร้านอาหารควรปฏิบัติตามเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าเจแตก
เทศกาลกินเจเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญของร้านอาหาร ที่จะมีโอกาสเพิ่มยอดขายจากการขายเมนูเจต่าง ๆ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ จึงสรุป 6 ข้อควรรู้ก่อนขายเมนูเจสำหรับร้านอาหาร เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรุงอาหารได้ถูกต้องตามหลักของเทศกาลกินเจ จะมีอะไรบ้างนั้น มาอ่านเพื่อเตรียมตัวขายกันเลย
1 แยกครัว แยกอุปกรณ์ สำหรับอาหารเจโดยเฉพาะ
ก่อนจะเริ่มต้นทำอาหารเจ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ควรแบ่งพื้นที่ทำอาหารเจ เครื่องครัว และจานชาม แยกจากการทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ เช่น แยกตะหลิว แยกเขียงสำหรับหั่นผักผลไม้ ออกจากอุปกรณ์สำหรับหั่นเนื้ออย่างชัดเจน
จากนั้นทำการล้างอุปกรณ์ให้สะอาด จัดวางให้หยิบใช้ได้ไม่สับสน และหลังใช้เครื่องครัว ควรล้างทำความสะอาด แยกกับอุปกรณ์ที่ทำอาหารใส่เนื้อสัตว์
2 ทุกเมนูห้ามมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ และห้ามใช้ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
ไม่ว่าจะเนื้อ หนัง ไขมัน ผลผลิตจากสัตว์อย่างไข่ และน้ำซอสที่ได้จากการหมักเนื้อสัตว์ เพราะหลักสำคัญของเทศกาลกินเจ คือ “การไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต”
ดังนั้น ห้ามนำไข่ น้ำผึ้ง นม เนย ครีม ผลิตภัณฑ์จากนมต่าง ๆ น้ำปลาและซอสหอยนางรม มาทำอาหารเจ เพราะกระบวนการที่จะได้วัตถุดิบเหล่านี้มา ถือเป็นการเบียดเบียนสัตว์นั่นเอง
หากจะดัดแปลงเมนูที่มีไข่เป็นส่วนผสมมาทำเป็นอาหารเจ ทางร้านสามารถใช้ฟองเต้าหู้สดทดแทนได้ เพราะมีรสสัมผัสคล้ายกับไข่เจียว
ตัวอย่างเมนูอาหารเจแนะนำ ได้แก่ เต้าหู้ทอด เผือกทอด พร้อมน้ำจิ้มเจ และ ยำฟองเต้าหู้ข้าวโพดทอด ที่ดัดแปลงโดยนำเมนูของทอดเจยอดนิยม มาเพิ่มความอร่อยและความน่าสนใจ ให้อาหารเจไม่จำเจ ด้วยการทานคู่กับน้ำยำเจรสนัว ที่อร่อยไม่แพ้น้ำยำดั้งเดิม
3 งดใส่ผักที่มีกลิ่นฉุน กลิ่นแรง 5 ชนิด
ตามความเชื่อของชาวจีน หากทานผักกลิ่นฉุน 5 ชนิดต่อไปนี้ จะทำลายธาตุทั้งห้าในร่างกาย และผักเหล่านี้ มีสรรพคุณช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ จึงอาจส่งผลให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารในช่วงงดกินเนื้อสัตว์ นอกจากนี้กลิ่นฉุนยังส่งผลต่อฮอร์โมนร่างกายและอารมณ์ ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน หงุดหงิดง่าย และมีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ จึงไม่เหมาะที่จะทานในช่วงเทศกาลกินเจ
- กระเทียม: ทำลายธาตุไฟ ทำให้หัวใจทำงานไม่ปกติ
- หลักเกียว หรือ กระเทียมโทนจีน: ทำลายธาตุดิน ทำให้ม้ามทำงานไม่ปกติ
- พืชตระกูลหอม ทั้งต้นหอม หอมหัวใหญ่ หอมแดง: ทำลายธาตุน้ำ ทำให้ไตทำงานไม่ปกติ
- กุยช่าย: ทำลายธาตุไม้ ทำให้ตับทำงานไม่ปกติ
- ใบยาสูบ: ทำลายธาตุโลหะ ทำให้ปอดทำงานไม่ปกติ
ทั้งนี้ บางคนอาจไม่ทานผักชีและกัญชงด้วย ทางร้านจึงควรเลี่ยงใส่ในอาหาร แต่หากอยากเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหารเจ สามารถใส่ขึ้นฉ่ายได้ เช่น โรยหน้ายำเจ ทำวุ้นเส้นผัดขึ้นฉ่ายเจ และควรทำการแจ้งส่วนผสม พร้อมสอบถามลูกค้าก่อนว่างดทานผักชนิดใดบ้าง เพราะขึ้นอยู่กับความเชื่อและความเคร่งของแต่ละบุคคล
4 ห้ามใช้เครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และกระเทียม
ผงปรุงรสต่าง ๆ อาจทำจากเนื้อสัตว์ อย่างเนื้อไก่ เนื้อหมู และมักผสมเครื่องเทศที่ให้กลิ่นหอมอย่างกระเทียม รวมถึงน้ำจิ้มต่าง ๆ ก็อาจผสมกระเทียม ซึ่งผิดหลักการกินเจ ก่อนจะนำมาปรุงอาหาร จึงควรอ่านฉลากก่อนใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมดังกล่าว
ถ้ามองหาตัวเลือกของเครื่องปรุง หรือส่วนผสมของอาหารเจ สามารถใช้ผงรสมะนาว ตราคนอร์ ที่ทำจากมะนาวแป้นแท้ เพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหอม ในเมนูยำเจ ต้มยำเจต่าง ๆ
สำหรับเมนูทอด แนะนำแป้งทอดกรอบ ตราคนอร์ ที่ไม่ผสมเครื่องเทศ ช่วยทำให้เมนูของทอดกรอบนานถึง 3 ชั่วโมง และสามารถใช้ซอสเห็ดหอมเจ เพื่อเพิ่มรสชาติเข้มข้นหอมอร่อย แทนซอสหอยนางรมได้
5 ไม่ใช้น้ำมันทอดรวมกับเนื้อสัตว์
ในเทศกาลกินเจจะขาดเมนูของทอดไปไม่ได้ เช่น เผือกทอด ข้าวโพดทอด เห็ดเข็มทองทอด สำหรับร้านที่จะขายอาหารใส่เนื้อสัตว์ด้วย ต้องแยกกระทะและน้ำมันสำหรับทอดอาหารเจ ห้ามทอดต่อหรือทอดรวมกับเนื้อสัตว์ เพราะอาหารเจห้ามปนเปื้อนเนื้อสัตว์เด็ดขาด
6 คนปรุงอาหารต้องไม่ทานเนื้อสัตว์ ในระหว่างทำอาหารเจ
เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ควรทานเนื้อสัตว์ในบริเวณที่ห่างจากพื้นที่ทำอาหารเจ
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ ในช่วงเทศกาลกินเจ แนะนำให้เน้นทำอาหารรสอ่อน ไม่ต้องปรุงรสมาก อาศัยรสธรรมชาติจากวัตถุดิบต่าง ๆ เพราะการปรุงอาหารรสจัดนั้น ชาวจีนถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพ หากทำตามหลักการสำคัญของการกินเจตามนี้ได้ ร้านของคุณก็พร้อมขายอาหารเจแล้ว
เคล็ดลับอื่นๆ สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร
สิ่งที่คุณจะได้รับ:
- ฟรี หลักสูตรอบรมด้านธุรกิจอาหารและการทำอาหาร
- สูตรอาหารและเคล็ดลับที่ดีที่สุดจากเชฟทั่วโลก
- เทรนด์การทำอาหารล่าสุด