เพิ่มความพรีเมียมให้เบเกอรี่ด้วยดอกไม้กินได้
เทรนด์เบเกอรี่ยุคใหม่ ดอกไม้กินได้ เพิ่มมูลค่า สร้างความหรูหราให้ขนมเดิม ๆ ดูพรีเมียม
เคล็ดลับในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงธุรกิจประเภทไหนคือการสำรวจตลาดอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้ความเป็นไปในท้องตลาดรวมไปถึงเรื่องของกระแส เทรนด์ หรือสิ่งที่กำลังได้รับความนิยม และนำสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง เช่นเดียวกันกับวงการเบเกอรี่ช่วงนี้ที่มาไกลมาก โดยเฉพาะเหล่าเบเกอรี่ที่วางขายอยู่ในคาเฟ่และร้านกาแฟต่างพากันวางขายเบเกอรี่ที่ตกแต่งหน้าด้วยบรรดา ‘ดอกไม้’ และไม่ใช่ดอกไม้น้ำตาลหรือดอกไม้ปลอมที่ใช้เพื่อการตกแต่งโดยเฉพาะด้วยนะ แต่ใช้เป็นดอกไม้สดเลย ซึ่งนอกจากจะดูสวยงามแล้วยังทำให้เราสะดุดตากับเจ้าเบเกอรี่ชิ้นน้อย ๆ ได้อย่างดี
นี่คือเทรนด์เบเกอรี่ดอกไม้กินได้ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเบเกอรี่และดอกไม้ 2 สิ่งที่ดูเหมือนจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่กลับเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังได้รับความนิยมกันอย่างถ้วนหน้า และมาแรงถึงขั้นว่าใครวางขายเบเกอรี่แบบนี้ ออเดอร์ล้น ขายดิบขายดีจนบางร้านนำเอาเบเกอรี่ดอกไม้กินได้นี้มาเป็นซิกเนเจอร์ของร้านไปเลยก็มี แล้วเทรนด์เบเกอรี่ดอกไม้กินได้นี้กำลังแฝงอะไรอยู่ วันนี้ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ มีคำตอบ
ดอกไม้กินได้ เรื่องใหม่ที่ไม่ใหม่
ในวงการเบเกอรี่อาจจะดูเป็นเรื่องใหม่ในการใช้ดอกไม้สด ๆ มาตกแต่งหรือทำเบเกอรี่เลย เพราะปกติเราคงจะคุ้นชินกับการใช้น้ำตาลปั้นเป็นดอกไม้หรือใช้ดอกไม้ปลอมไปเลยมากกว่า แต่ความจริงแล้วดอกไม้ได้เป็นหนึ่งในอาหารการกินที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว เพียงแต่จะปรากฏตัวในเมนูอาหารคาวมากกว่า ความจริงแล้วดอกไม้ก็คือดอกของพืชชนิดหนึ่งนี่แหละ และมนุษย์เราก็กินพืชอยู่แล้ว รวมถึงแทบทุกส่วนของพืชสามารถกินได้ ดังจะเห็นได้จากเมนูอาหารไทยหลาย ๆ อย่างที่นำดอกไม้มากินอย่างจริงจัง บ้างก็กินในรูปแบบสด สำหรับดอกไม้ที่ไม่มีพิษและกำจัดยางออกหมดแล้ว บางก็ต้องนำมาชุบแป้งทอด หรือผสมกับอาหารอื่น ๆ
สำหรับในวงการของหวานหรือเบเกอรี่ อาจจะเห็นได้ไม่บ่อยนัก รวมถึงหลายคนมีความเชื่อว่าดอกไม้ไม่สามารถกินได้ จึงได้เน้นการใช้งานดอกไม้ไปในแง่ของการสกัดออกมาเป็นกลิ่นหรือเน้นไปที่การตกแต่งมากกว่า แต่ก็มีข้อที่ต้องระวังคือรสชาติและกลิ่นของดอกไม้บางชนิดอาจจะส่งผลให้เบเกอรี่ไม่สมบูรณ์ ทำให้รสชาติเปลี่ยนไปได้ แต่ถ้าถามว่าสามารถนำเอาดอกไม้มาทำเบเกอรี่ได้ไหม ก็ต้องตอบว่า ‘ได้’อย่างแน่นอน ขอยกตัวอย่างเมนูจาก ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ ที่มีการนำดอกไม้มาประกอบเมนูและตกแต่ง เช่น ทาร์ตบลูเบอร์รี่เสิร์ฟอุ่น ที่มีการนำเอาดอกพวงชมพูมาตกแต่งเพิ่มความสวยงามให้กับทาร์ต
ดอกไม้แบบไหนที่กินได้จริง
คำว่า ‘ดอกไม้กินได้’ ไม่ได้หมายความว่าดอกไม้ที่เราเห็นทุกดอกนั้นสามารถกินได้ทั้งหมด เพราะดอกไม้บางชนิดก็เป็นดอกของพืชที่ไม่สามารถทานได้ รวมถึงให้รสชาติที่ไม่ถูกปากเอาเสียเลย โดยเฉพาะดอกไม้ที่เราเห็นริมทาง ริมรั้วบ้าน ถึงแม้จะดูเป็นดอกไม้ที่ไม่มีพิษภัย แต่ในเรื่องของความสะอาดเราไม่มีทางรู้และคาดเดาได้เลยว่าดอกไม้นั้น ๆ ถูกปนเปื้อนอะไรมาบ้าง
หากต้องการนำดอกไม้มากินหรือประกอบอาหาร ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องของการปลูกและดูแลเลย ทุกกระบวนการตั้งแต่ปลูกไปจนถึงนำมาประกอบอาหารจำเป็นต้องปลูกด้วยวิธีการที่ปลอดภัยหรือออร์แกนิก ปราศจากการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี ใช้ปุ๋ยอย่างถูกชนิด ดินที่ใช้ในการปลูกควรเป็นดินที่เหมาะสำหรับการปลูกดอกไม้แต่ละประเภท รวมไปถึงเรื่องของอุณหภูมิด้วยเช่นกัน เพราะดอกไม้บางชนิดก็ไม่ได้ให้ดอกตลอดทั้งปี แต่ออกดอกเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น ด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อนขนาดนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านคงไม่ลงมือปลูกเองแน่นอน ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ แนะนำว่าให้เลือกซื้อดอกไม้กินได้จากสวนหรือฟาร์มที่เพาะปลูกและขายดอกไม้กินได้โดยเฉพาะ เลือกซื้อจากแหล่งซื้อขายที่เชื่อถือได้ เพราะเรื่องอาหารการกินสำคัญสำหรับสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ทำและผู้ทานเลย
ประเภทของดอกไม้กินได้ที่นำมาทำเบเกอรี่ได้
เปรียบเทียบการนำดอกไม้มาทำเบเกอรี่ก็เหมือนกับการเลือกใช้เนยในการทำขนม เนยยังมีหลายประเภท แต่ละประเภทให้รสชาติที่ต่างกัน กับดอกไม้เองก็เช่นกัน มีหลากหลายประเภทและหลากหลายรสชาติ ดังนั้น ก่อนจะนำดอกไม้มาประกอบอาหารหรือทำเบเกอรี่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติและฟังก์ชันการทำงานของมันหลัก ๆ กันก่อน เพราะดอกไม้บางชนิดก็ไม่มีรสชาติ หรือให้รสเปรี้ยว ขม เผ็ดแตกต่างกันออกไป บางชนิดก็เหมาะสำหรับการนำมาสกัดเป็นกลิ่นมาใช้มากกว่าที่จะนำไปใช้ทั้งดอก รวมถึงเรื่องของสี ดอกไม้บางชนิดก็เหมาะสำหรับที่จะนำมาคั้นเป็นสีธรรมชาติ เพื่อนำมาใช้ในการสร้างสีสันให้เบเกอรี่นั่นเอง และที่สำคัญเลยคือดอกไม้บางชนิดมียาง ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเหล่านี้ก่อนลงมือทำ ตัวอย่างดอกไม้ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ สำหรับการทำอาหาร ได้แก่
- ดอกอัญชัน ดอกไม้ที่ออกดอกตลอดทั้งปี สามารถกินได้ทั้งดอกสดและปรุงเพิ่ม และยังมีคุณสมบัติให้สีธรรมชาติอีกด้วย มักจะได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มและคั้นสีได้เป็นสีน้ำเงิน และเมื่อเจอกับกรดจะเปลี่ยนสีเป็นม่วง
- ดอกกุหลาบ ดอกไม้ที่มีหลากหลายสี สามารถนำมาคั้นให้ได้สีผสมอาหารจากธรรมชาติได้ แต่อาจจะให้สีที่ค่อนข้างจาง และยังเหมาะสำหรับการนำกลิ่นมาผสมอาหารนั่นเอง ส่วนมากเราจะเห็นการใช้ดอกกุหลาบในเมนูเครื่องดื่ม และใช้กลิ่นผสมอาหารมากกว่าการนำทั้งดอกมาใช้โดยตรง
- ดอกเดซี่ ดอกไม้ไซซ์จิ๋ว ดอกสีขาวที่มีเกสรสีเหลือง ดอกนี้จะไม่ได้เด่นเรื่องการให้สีแต่จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการตกแต่ง ด้วยขนาดของดอกที่ไม่ใหญ่จนเกินไปจึงเหมาะสำหรับการตกแต่งหน้าเบเกอรี่โดยเฉพาะ รวมถึงสามารถกินได้เช่นกัน เพราะเป็นดอกที่มีรสจืด ไม่มีกลิ่น
ประโยชน์ของดอกไม้กินได้ในการใช้ทำเบเกอรี่
การจะนำดอกไม้กินได้มาใช้กับการทำเบเกอรี่ทั้งที แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของประโยชน์มาเป็นสารตั้งต้น เพราะเบื้องลึกที่สำคัญอีกอย่างคือ ตลาดของคนกินดอกไม้และผู้ปลูกดอกไม้กินได้มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีเกษตรกรและฟาร์มที่ปลูกค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ภาคเหนือ ทำให้หาซื้อได้ยาก ประกอบกับดอกไม้อาจมีจำนวนน้อย เพราะดอกไม้บางชนิดก็ออกดอกตามฤดูกาลเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเรานำดอกไม้เหล่านี้มาประดับตกแต่งเบเกอรี่หรืออาหารแล้วล่ะก็ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันจะต้องช่วยเพิ่มความดีงามให้กับเบเกอรี่ของเราได้แน่นอน
- เพิ่มความสวยงาม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเบเกอรี่ หากคุณลองนึกภาพเค้กหนึ่งชิ้นที่ตกแต่งหน้าด้วยครีมทั่วไป กับเค้กอีกชิ้นที่มีดอกไม้สวย ๆ แต่งหน้า เค้กชนิดไหนจะสะดุดตามากกว่า หลายคนคงตอบว่าเค้กดอกไม้แน่นอน ซึ่งนี่แหละคือประโยชน์ของดอกไม้กินได้ที่เรากำลังพูดถึง คือมันให้ความสวยงาม เปลี่ยนจากเบเกอรี่ชิ้นเดิม ๆ ให้ดูสวยมากขึ้น ดูหรูหรามากขึ้น หรือว่าง่าย ๆ เลยคือคุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้เบเกอรี่ในมือได้เลยง่าย ๆ แน่นอนว่าการทำดอกไม้เหล่านี้มาใช้กับเบเกอรี่จะทำให้ต้นทุนในการทำเบเกอรี่มากขึ้น แต่นั่นก็ทำให้สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้อีกเป็นเท่าตัว นี่จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้ประกอบการเบเกอรี่หลายคนใช้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มกำไร
- ดอกไม้เพิ่มสารอาหาร อย่างที่รู้กันว่าเค้กหรือเบเกอรี่อื่น ๆ มีวัตถุดิบหลักเป็นแป้ง เนย น้ำตาล ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบริโภคได้ในครั้งละมาก ๆ เนื่องด้วยเรื่องของสารอาหารนั่นเอง แต่ใครจะรู้ว่าการเพิ่มดอกไม้กินได้เข้ามาสามารถเพิ่มสารอาหารให้เบเกอรี่ด้วยนะ เพราะดอกไม้แต่ละชนิดก็มีประโยชน์แตกต่างกันออกไป บางชนิดก็ให้วิตามิน อย่างเช่น ดอกอัญชันมีสารต้านอนุมูลอิสระ ดอกกุหลาบช่วยบำรุงหัวใจและแก้อาการอ่อนเพลีย ถึงแม้จะกินในปริมาณที่ไม่มากก็ตาม แน่นอนว่าประโยชน์ข้อนี้ก็สามารถนำมาทำการตลาดดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมทานดอกไม้และเพิ่มมูลค่าให้กับเบเกอรี่ได้แน่นอน
- ดอกไม้ทดแทนวัตถุดิบอื่น ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้ แต่ความมหัศจรรย์ของมันคือนอกเหนือจากการนำมาสกัดกลิ่นหอมออกมาใช้ หรือคั้นเพื่อเป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติแล้ว ดอกไม้บางชนิดจะให้รสชาติที่ใกล้เคียงกับวัตถุดิบบางอย่างได้ เช่น ดอกคาโมมายล์ ดอกไม้เล็ก ๆ ที่มีกลีบดอกสีขาวและมีเกสรสีเหลือง รูปลักษณ์ดอกคล้ายกับดอกเดซี่ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับดอกไม้ชนิดนี้ดี แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเจ้าดอกคาโมมายล์มีรสหวานด้วยนะ และด้วยความหวานของมันนี่แหละจึงได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นชาสำหรับชงดื่ม ทั้งให้รสที่มีความหวานจากธรรมชาติชนิดที่ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลเพิ่มเลยและยังมีความหอมเสริมเข้ามาอีกด้วยนะ สำหรับชาดอกคาโมมายล์จึงสามารถกล่าวได้ว่า ดอกไม้ชนิดนี้ใช้เป็นวัตถุดิบให้ความหวานแทนน้ำตาลได้เลย นักอบหลายคนจึงได้ครีเอทเป็นเมนูเค้กชาคาโมมายล์ขึ้นมานั่นเอง มีทั้งรสความเป็นเค้กและยังได้ความหวานจากชาคาโมมายล์ หรือในฝั่งของรสเปรี้ยวจากธรรมชาติก็ต้องยกให้ดอกกระเจี๊ยบแดง ที่จะให้รสที่เปรี้ยวด้วยตัวมันเอง หลายคนจึงเห็นมันอยู่ในรูปแบบของน้ำกระเจี๊ยบนั่นเอง แต่ข้อควรระวังของการใช้ดอกกระเจี๊ยบมาให้ความเปรี้ยวในการทำเบเกอรี่คือ ดอกมันจะพกสีแดงธรรมชาติมาด้วย หากจะนำมาทำเบเกอรี่คงจะต้องคำนึงถึงเรื่องสีด้วยนั่นเอง แต่ถ้าต้องการทั้งให้เค้กมีความฟรุตตี้ขึ้นและต้องการสีที่แดงสด การใช้ดอกกระเจี๊ยบก็เป็นทางเลือกที่ดี
ดอกไม้กินได้กับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
คุณคงเคยได้ยินว่า ดอกไม้หรือช่อดอกไม้ตามเทศกาลวันแห่งความรัก วันรับปริญญา และวันอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาขยะตามมาอย่างมาก รวมถึงเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย และด้วยเหตุนั้นผู้ประกอบการหลายคนก็คงเกิดคำถามว่าการนำดอกไม้กินได้มาตกแต่งเบเกอรี่อย่างจริงจัง จะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาขยะอย่างที่เข้าใจหรือไม่
หน่วยงาน The Sustainable Floristry Network จากประเทศออสเตรเลีย เคยกล่าวไว้ว่า เรื่องความยั่งยืนกับดอกไม้ต้องเริ่มหันมาสนใจตั้งแต่ ‘รากฐานของความไม่ยั่งยืน’ เช่น การใช้วัสดุอุปกรณ์ในการประกอบช่อดอกไม้ที่ใช้แล้วทิ้ง นี่แหละคือหัวใจของการสร้างขยะ แต่ถ้าหันมาใช้วัสดุที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยและรีไซเคิลได้ เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็จะเป็นการไม่สร้างขยะเพิ่ม ถ้าเป็นในแง่ของดอกไม้ที่นำมากิน รู้ไหมว่าเพียงแค่เราเลือกใช้ดอกไม้ที่สามารถปลูกได้ตามฤดูกาล หรือเลือกใช้ดอกไม้ที่มีในท้องถิ่น เท่านี้ก็คือเรื่องของการใช้ดอกไม้โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมได้แล้วล่ะ เพราะการใช้ดอกไม้ที่ไม่ตรงตามฤดูกาลหรือดอกไม้ที่หายาก ไม่ใช่ดอกไม้ประจำท้องถิ่นด้วยแล้วย่อมต้องแลกมาด้วยการใช้สารเคมี ปุ๋ย หรือทรัพยากรอื่น ๆ ที่มากกว่าดอกไม้ตามฤดูกาลเป็นเท่าตัว อีกวิธีการก็คือการเลือกใช้ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสูงแทนการใช้ดอกไม้ที่คนไม่นิยมทาน เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกได้ว่าดอกไม้นี้สามารถทานได้จริงเท่านี้ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดขยะจากดอกไม้กินได้ได้แล้ว
ข้อดี-ข้อเสียของการนำดอกไม้กินได้มาทำเบเกอรี่
ข้อดี
- ย้ำกันอยู่เสมอในวันนี้ว่าการนำเอาดอกไม้กินได้มาประยุกต์และปรับใช้กับการทำเบเกอรี่ในยุคนี้ ข้อดีของมันก็คือความอินเทรนด์ และเมื่อเราได้เข้าไปอยู่ในกระแส แน่นอนว่าจะมีผู้บริโภคที่มองเห็นสินค้าและร้านของเรามากขึ้น
- เรื่องของหน้าตาเบเกอรี่ การใช้ดอกไม้กินได้แทบจะเรียกได้ว่าเสกหน้าตาใหม่ ๆ ให้กับเบเกอรี่เดิม ๆ ของเราภายในพริบตา ทั้งเรื่องความสวยงามและมูลค่าของมันก็สามารถเพิ่มราคาได้เป็นเท่าตัว
- สร้างเอกลักษณ์ให้กับร้านของคุณ ในตลาดผู้ค้าขายเบเกอรี่มีจำนวนไม่มากนักที่จะหยิบเอาดอกไม้กินได้มาเป็นจุดเด่นสร้างเอกลักษณ์ สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าของตัวเอง ดังนั้น ใครที่หยิบจับ คว้าเทรนด์นี้ได้ก่อน ก็จะมีโอกาสสร้างเอกลักษณ์ให้ร้านของตัวเอง และเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคมากขึ้น
- กระจายรายได้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่าการริเริ่มทำสินค้าใหม่ ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยสังคมได้ เช่น เทรนด์เบเกอรี่ดอกไม้นี้ก็ Win-Win ระหว่างผู้ประกอบการที่ได้วางขายสินค้าใหม่ ๆ สร้างความแตกต่าง ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้กินได้ก็มีรายได้จากส่วนนี้มากขึ้นเช่นกัน
ข้อเสีย
- ทรัพยากรสวนทางกับความต้องการ ดอกไม้กินได้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลายมากนัก เพราะการปลูกดอกไม้กินได้ต้องใช้ทั้งความละเอียดอ่อน และเรื่องของอุณหภูมิ สภาพดินฟ้าอากาศที่ต่างจากพืชผลอื่น ๆ ดังนั้น ผลผลิตอาจจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยิ่งมีเกษตรกรที่ปลูกน้อยเจ้าด้วยแล้ว สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าหากดอกไม้กินได้ได้รับความนิยมมากไปกว่านี้ อาจขึ้นแท่นเป็นพืชผลอีกชนิดที่ขาดตลาด และจะนำไปสู่ราคาที่แพงขึ้นไปตามความต้องการนั่นเอง
- มีความสดเป็นข้อจำกัด ดอกไม้กินได้ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ต้องสู้กับความสดใหม่ หากจะนำมาตกแต่งหรือทำเบเกอรี่ก็ต้องเลือกดอกไม้ที่สด ไม่เหี่ยวเฉา ไม่ช้ำ เพื่อความสวยงามและประสิทธิภาพของดอก หากปล่อยไว้จนดอกเริ่มเหี่ยวก็คงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้แล้วล่ะ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องทำเบเกอรี่หรือใช้ดอกไม้แบบวันต่อวันเพื่อคงความสดไว้ให้ได้มากที่สุด
- พร้อมหรือไม่กับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นตามฤดูกาล เพราะดอกไม้ก็คือพืชผลทางการเกษตรชนิดหนึ่งนี่แหละ มีออกดอกตามฤดูกาล หรือเพาะปลูกแค่บางช่วง แน่นอนว่าก็จะต้องมีฤดูที่ดอกไม้ราคาพุ่งสูงขึ้นด้วย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายและต้นทุนในส่วนนี้ หากสามารถรับมือไหว ไอเดียเบเกอรี่ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าลงทุน หรือใครจะมองว่าเป็นทางเลือกสร้างกำไรพิเศษสำหรับทำเป็นเมนูแบบ Seasonal หรือตามฤดูของดอกไม้ก็ได้เช่นกัน
ดอกไม้กับการทำเบเกอรี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย หากผู้ประกอบการท่านไหนเริ่มสนใจและอยากลงมือทำเบเกอรี่ดอกไม้บ้างแล้วก็สามารถเริ่มได้แบบไม่ยาก สามารถศึกษาเพิ่มเติมและสำรวจตลาดเบเกอรี่ด้วยตัวเองได้แบบสบาย ๆ หากการสกัดกลิ่นดอกไม้หรือเลือกดอกไม้มาทำเบเกอรี่อาจทำได้ยากสำหรับมือใหม่ก็สามารถเริ่มต้นได้ที่การนำดอกไม้กินได้เหล่านี้มาตกแต่งหน้าตาเบเกอรี่ก่อนก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยล่ะ และสำหรับใครที่มองหาวัตถุดิบเบเกอรี่อยู่ สามารถเลือกซื้อวัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพสูง ราคาคุ้มค่า จาก ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ของเราได้เลย เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เบเกอรี่แต่ละประเภทอีกมากมาย
วัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพดี
เทรนด์เบเกอรี่อื่นๆ ที่น่าสนใจ
สิ่งที่คุณจะได้รับ:
- ฟรี หลักสูตรอบรมด้านธุรกิจอาหารและการทำอาหาร
- สูตรอาหารและเคล็ดลับที่ดีที่สุดจากเชฟทั่วโลก
- เทรนด์การทำอาหารล่าสุด