รวม 10 หนัง/ซีรี่ส์เกี่ยวกับการทำอาหาร ขนม เบเกอรี่
นอกจากจะได้เติมไฟ และได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ แล้ว ยังสามารถนำสาระความรู้ไปปรับใช้ในกิจการได้อีกด้วย
วงการเบเกอรี่และอาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งวงการที่ต้องหมั่นอัปเดตความรู้และไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมถึงเทรนด์และกระแสของอาหารและเบเกอรี่ที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงเวลาหรือยุคนั้น ๆ และวันนี้ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดส์ โซลูชั่น จะมาแชร์วิธีการอัปเดตความรู้และการหาไอเดีย ผ่านการเสพสื่ออย่างภาพยนตร์และซีรีส์เกี่ยวกับการทำเบเกอรี่และอาหาร นอกจากจะทำให้เราได้อัปเดตสาระความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับกิจการแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำเบเกอรี่ และผ่อนคลายความเครียดได้ดีอีกด้วย
Toast (2010 : ภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษ)
สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Nigel Slater นักวิจารณ์อาหารชื่อดังชาวอังกฤษ เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับ อาหาร และเบเกอรี่ โดยเรื่องราวของภาพยนตร์เล่าถึงพัฒนาการฝีมือการเข้าครัวของ Nigel จากที่ทำเบเกอรี่ไม่เป็น จนทำให้เขาตัดสินใจไปเรียนทำเบเกอรี่และพยายามฝึกฝนฝีมือในการทำเบเกอรี่จนกระทั่งเขาเก่งขึ้น จากนั้นเขาจึงตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อเข้าไปทำงานในร้านอาหารชื่อดังในเมือง ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะให้ความรู้ในการทำเบเกอรี่แล้ว ยังให้กำลังใจกับผู้ที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่วงการเบเกอรี่ได้เป็นอย่างดี แม้เริ่มต้นจะมีข้อผิดพลาด หรือยังทำเบเกอรี่ออกมาได้ไม่ดีนัก แต่หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ก็จะสามารถประสบความสำเร็จ และจะเป็นนักอบฝีมือดีในที่สุด
Ratatouille (2007 : ภาพยนตร์แอนิเมชัน แนวดราม่าคอมเมดี้จากอเมริกา)
ภาพยนตร์แอนิเมชันแสนน่ารักที่เล่าเรื่องราวของหนูฝรั่งเศสตัวหนึ่งชื่อว่า“เรมี่” ซึ่งหลงใหลในการทำอาหารเป็นอย่างมากและมีความฝันและความทะเยอทะยานอยากเป็นเชฟทำอาหาร ทำให้ เรมี่ และครอบครัวจับพลัดจับผลู ต้องย้ายจากชานเมืองของฝรั่งเศสเข้ามาสู่ ปารีส และได้พบว่าตัวเองได้มาอยู่ใต้ภัตตาคารอันเลื่องชื่อ จากฝีมือของสุดยอดปรมาจารย์เรื่องอาหาร และยังเป็นฮีโร่ในดวงใจของเขา เรมี่ เริ่มไต่เต้าด้วยการแอบช่วยเหลือเด็กก้นครัวปรุงซุป ซึ่งได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อาหารที่มีอิทธิพลระดับโลก เรมี่ จึงได้ร่วมมือกับ ลิงกวินี่ ในการปรุงอาหารรสเลิศต่าง ๆ จนทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงด้วยพรสวรรค์ที่เค้ามี ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอนิเมชันที่ช่วยเติมไฟความเป็นเชฟได้เป็นอย่างดี ภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นว่าแม้เราจะเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากศูนย์ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้หากมีความมุ่งมั่น และตั้งใจจริง ดังนั้นหากนักอบ หรือเชฟคนไหนที่อยากจะเติมไฟและเติมพลังให้ตัวเอง แนะนำให้ตามไปดูภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เลย รับรองว่าดูเสร็จแล้วจะมีไฟในการทำเบเกอรี่และอาหารมากขึ้นอีกเป็นกอง
Chef (2014 : ภาพยนตร์ดราม่า คอมเมดี้จากอเมริกา)
ภาพยนตร์เล่าถึงเรื่องราวของเชฟในร้านอาหารชื่อดังที่ดันไปมีเรื่องกับนักวิจารณ์อาหารชื่อดัง จนต้องหันออกมาเปิดกิจการ Food Truck ขายแซนด์วิชเป็นของตัวเอง ภาพยนตร์ถ่ายทอดให้เห็นถึงความใส่ใจและความรักในการทำอาหารของเชฟ ทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบ การจัดวางอาหารก่อนเสิร์ฟอย่างประณีต ซึ่งเมนูที่เด่นที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือเมนูแซนด์วิช ภาพยนตร์มีการสอดแทรกวิธีการในการทำแซนด์วิช รวมทั้งทริกต่าง ๆ ในการทำแซนด์วิชเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่มีแพลนจะเปิดร้านขายแซนด์วิช หรือใครที่อยากจะลองหันมาขายอาหารหรือเบเกอรี่แบบ Food Truck แนะนำให้ตามไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อนำแนวคิดและทริกต่าง ๆ ไปปรับใช้กับกิจการ
Itaewon Class (2020 : ซีรีส์ยอดฮิตจากแดนกิมจิ)
ซีรีส์จากแดนกิมจิยอดฮิต ที่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ และการแก้แค้นของ “พัคแซรอย” ที่ต้องการจะต่อสู้ และเอาคืนลูกชายและครอบครัวของผู้มีอิทธิพลในวงการอาหาร ด้วยการเปิดร้านอาหาร ชื่อ “ทันบัม” ซึ่งเป็นร้านเล็ก ๆ ในอิแทวอน ด้วยหลักการ ความทะเยอทะยานและทีมงานมืออาชีพ พัคแซรอยจึงไล่ตามความฝันของเขาที่จะเอาชนะจางกากรุ๊ปด้วยการมุ่งสู่จุดสูงสุดในอุตสาหกรรมอาหารของเกาหลี ด้วยความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานของพัคแซรอย ทำให้ธุรกิจร้านอาหารของเขาประสบความสำเร็จ แม้ระหว่างทางจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่ในที่สุดธุรกิจร้านอาหารก็เติบโต จนสามารถซื้อหุ้นบริษัทจากคู่อริ อย่างจางกากรุ๊ป และแก้แค้นคู่อริในอดีตได้สำเร็จ สำหรับผู้ประกอบการท่านไหน ที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย จนเริ่มหมดไฟ ขอแนะนำให้ตามไปดูซีรีส์เรื่องนี้ได้แล้ว ทุกคนจะมีแรงฮึบ และแรงสู้อีกครั้งอย่างแน่นอน
BURNT (2015 : ภาพยนตร์ดราม่าเข้มข้นจากเมืองแห่งเทพีเสรีภาพ)
ภาพยนตร์ทำอาหารสุดดราม่าจากอเมริกา ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของเชฟ อดัม โจนส์ เป็นคนที่มีแทบทุกอย่างและสูญสิ้นทุก ๆ อย่างมาแล้ว ในร้านอาหารกลางกรุงปารีสระดับสองดาวมิชลิน โจนส์มุ่งความสนใจเพียงแค่รสชาติใหม่ ๆ ที่เขาปรุงเท่านั้น อาณาจักรของเขาคือห้องครัว และเป้าหมายของเขาคือดาวมิชลินดวงที่สาม โจนส์ต้องการทิ้งอดีตอันเลวร้ายของเขาไว้ข้างหลัง และพยายามจะเปิดร้านอาหารแห่งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง พล็อตเรื่องของภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นว่าตัวละครหลักของเรื่องพยายามในการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหรือเป็นแนว “โอกาสครั้งที่ 2 ของชีวิต” หลังจากที่ตัวละครเอกของเรื่องอย่างอดัมนั้นเคยทำความผิดพลาดครั้งใหญ่โตในอดีตและกลายเป็นตราบาปของชีวิตที่เขาต้องพยายามแก้ไข เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงพัฒนาตัวเอง ภาพยนตร์กำลังสะท้อนให้เห็นว่าแม้คนเราจะเคยทำผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ หากคิดได้ และรู้จักนำความผิดพลาดเหล่านั้น มาปรับปรุงแก้ไขชีวิต หรือกิจการก็จะกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้งอย่างแน่นอน หากผู้ประกอบการท่านไหนที่เคยทำผิดพลาด หรือกิจการเคยประสบความล้มเหลว แนะนำให้ลองดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วลองเอาสาระ หรือข้อคิดมาปรับใช้ ไม่แน่ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น อาจจะกลายมาเป็นบทเรียนที่ให้ความรู้และประสบการณ์กับเราก็เป็นได้
Boiling Point (2021 : ภาพยนตร์เติมไฟคุณภาพดีจากเมืองผู้ดีอังกฤษ)
ภาพยนตร์จำลองสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นภายในคืนที่พลุกพล่านที่สุดของปี ในร้านอาหารที่เป็นที่นิยมที่สุดของลอนดอน ตัวเอกของเรื่องคือ แอนดี้ โจนส์ หัวหน้าเชฟผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ที่ต้องพยายามสร้างสมดุลบนคมมีดอันเนื่องมาจากปัญหาและวิกฤตการณ์ที่รุมเร้าถาโถม ทั้งเรื่องส่วนตัวและอาชีพที่อาจจะทำลายทุกอย่างที่เขาทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับนักวิจารณ์อาหาร และความวุ่นวายของพนักงานเมื่อทางร้านต้องรองรับลูกค้ามากกว่าที่ควรจะเป็น ภาพยนตร์ถ่ายทอดให้เห็นถึงความกดดันของโจนส์ ที่ต้องประคับประคองพนักงานและผู้ช่วยเชฟที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ให้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อกระจายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายในร้านอาหาร และพนักงานในทีมของเขา ขณะที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่นัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทอดแค่ในมุมมองของการทำอาหาร หรือเทคนิคที่คนเป็นเชฟมี แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงภาวะของความเป็นผู้นำ และศักยภาพในการรับมือกับแรงกดดัน ที่เกิดขึ้นกับการทำงานภายในร้านอาหาร ที่เชฟหรือคนในวงการอาหารต้องเจอ รวมถึงสื่อให้เห็นว่าการทำงานเป็นทีมเวิร์กจะช่วยให้งานลุล่วงและดำเนินไปได้ด้วยดีต่อให้จะต้องพบเจอกับปัญหา แรงกดดัน และอุปสรรคมากมายขนาดไหนก็ตาม
The Hundred Foot Journey (2014 : ภาพยนตร์คุณภาพจากแดนภารตะ)
ภาพยนตร์ได้เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวอินเดียครอบครัวหนึ่งที่มีเหตุให้ต้องอพยพลี้ภัยมาเสี่ยงดวงชะตาในยุโรป "ฮัสซาน" (รับบทโดย Manish Dayal) ตัวเอกของเรื่อง คือชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการทำอาหารตั้งแต่เยาว์วัย ความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อพ่อของเขาไปต้องตาต้องใจบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีทำเลเหมาะแก่การเปิดเป็นร้านอาหาร แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง สุดท้ายพ่อของเขาก็สามารถเปิดร้านอาหารอินเดียได้ตามที่ตั้งใจ แต่ปัญหาคือฝั่งตรงข้ามของร้าน (อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 ฟุต) มีร้านอาหารฝรั่งเศสเจ้าถิ่นชื่อดังที่มีดาวมิชลิน 1 ดาว เป็นตัวการันตีความอร่อยเลิศ ความแตกต่างทั้งรสอาหารและวัฒนธรรมของทั้ง 2 ร้าน จึงก่อร่างกลายเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทางการค้า ความอลหม่านของ The Hundred Foot Journey เป็นไปอย่างกลมกล่อมครบรส ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า ขมขื่น หัวเราะ สำเร็จ มีความสุข นอกเหนือจากการได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งอาหารของทั้ง 2 วัฒนธรรมแล้ว แก่นสารสำคัญของภาพยนตร์คือการพยายามบอกเล่าว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้
Cook Up A Storm (2017 : ภาพยนตร์ทำอาหารจากจีนแผ่นดินใหญ่)
ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ว่าด้วยเรื่องของสองเชฟมือดีที่มีความต่างสไตล์ระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก และพวกเขาต้องใช้ศักดิ์ศรีความสามารถมาดวลประชันฝีมือกัน เพื่อที่จะได้เป็นสุดยอดเชฟที่ได้รับการยอมรับสากล ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เรารู้จักกับอาหารจีนมากขึ้น ได้รู้จักกับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารทั้งอาหารตะวันตกและตะวันออกมากขึ้น รวมถึงได้เรียนรู้กรรมวิธีในการปรุงอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ช่วยเปิดโลกให้กับเชฟเลยก็ว่าได้ สำหรับเชฟท่านไหนที่อยากได้ความรู้ใหม่ ๆ ในการทำอาหาร แนะนำให้ตามไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้
Julie & Julia (2009 : ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน)
ภาพยนตร์สร้างแพสชันน้ำดี จากอเมริกา ที่สร้างจากเรื่องจริง ที่เล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างยุคของ Julie (ปี 2002 ซึ่งเป็นปีหลังจากเหตุการณ์ 9/11) ที่นิวยอร์ก และยุคของ Julia (เริ่มปี 1949 ซึ่งเป็นช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2) ที่ปารีส ซึ่งแตกต่างกันกว่าครึ่งทศวรรษ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พื้นเพของผู้หญิงทั้งสองคนนี้ มีความแตกต่างกันมาก ทั้งสถานะทางสังคม บริบททางวัฒนธรรมต่างพื้นที่ และเทคโนโลยีการสื่อสารตามสมัย เพียงแต่มีแพสชันกับการทำอาหารมากเหมือนกัน Julia เป็นหญิงอเมริกันชนชั้นกลาง (ค่อนไปทางสูง) เธอใช้เวลาว่างในการเข้าคอร์สเรียนทำอาหารราคาแพงที่ Le Cordon Bleu ต่อมาเธอได้เขียนตำราทำอาหารฝรั่งเศส นอกจากนี้เธอยังต่อยอดความสำเร็จด้วยการทำรายการทีวี The French Chef เรียกว่าเธอเป็นหนึ่งในยุคบุกเบิกของวงการ Influencers หรือ Net Idols เลยก็ว่าได้ ส่วน Julie เป็นหญิงชนชั้นกลางวัยย่าง 30 ปี เธอใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังหมดไฟกับงานประจำ อย่างอาชีพ คอลเซ็นเตอร์ สามีจึงแนะนำว่าให้เธอเขียนบล็อก เธอจึงตั้งเป้าหมายว่า เธอจะทำอาหารและทำบล็อก 524 เมนู จากหนังสือ Mastering the Art of French ที่ Julia เป็นคนเขียน ต่อมา ในปี 2005 บล็อกของเธอได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือจริง ๆ ชื่อ Julie and Julia : My Year of Cooking Dangerously ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะสอดแทรกเรื่องของการทำอาหารแล้ว ยังต้องการสะท้อนให้เห็นว่า แม้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย การถูกคนตำหนิหรือดูถูก ไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลวหรือไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นอย่าเพิ่งท้อกับคำพูดหรือความเห็นในแง่ลบ แต่จงทำซ้ำ จงมุ่งมั่น พยายามให้มากขึ้น และทำให้สำเร็จ สำหรับใครที่กำลังท้อกับธุรกิจหรือท้อกับสิ่งที่กำลังพยายามอยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถจุดประกายความฝัน แพสชัน และแรงบันดาลใจให้กับคนดูอย่างเราได้เป็นอย่างดี
No Reservations (2007 : ภาพยนตร์ทำอาหารแนว แนวคอมเมดี้ ดราม่า และโรแมนติก สัญชาติอเมริกัน)
ภาพยนตร์เล่าถึงเรื่องราวของหัวหน้าเชฟ เคท อาร์ม สตรอง ที่ใช้ทั้งชีวิตขลุกอยู่กับการทำอาหารที่ภัตตาคารสุดหรู ในแมนฮัตตัน เธอเป็นเชฟที่มีความสามารถและค่อนข้างจะเข้มงวด จึงทำให้คนรอบข้างของเธอทั้งทึ่งในความเก่งของเธอ และรู้สึกเกรงกลัวเธอไปในเวลาเดียวกัน เธอเป็นเชฟที่สามารถดูแลควบคุมการทำงานที่แสนวุ่นวาย พร้อมทั้งสามารถตระเตรียมอาหารนับร้อย ๆ จานด้วยความละเอียดถี่ถ้วน และพิถีพิถันแบบสุด ๆ จึงทำให้อาหารที่เธอจัดเตรียมออกมาดีในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ สีสัน หน้าตาของอาหาร ภาพยนตร์ถ่ายทอดให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ขั้นตอนและเทคนิคต่าง ๆ ในการทำอาหารแต่ละจานให้สมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้นหากผู้ประกอบการ หรือเชฟท่านไหนที่อยากจะลองเรียนรู้ขั้นตอน หรือเทคนิคในการทำอาหารเพิ่มเติม แนะนำให้ลองมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วจะได้เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปอย่างแน่นอน
สำหรับภาพยนตร์และซีรีส์ทั้ง 10 เรื่องที่ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดส์ โซลูชั่น หยิบมาแนะนำในวันนี้ขอคอนเฟิร์มเลยว่านอกจากจะให้ความสุขความสนุกแล้ว ยังเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ที่ให้ความรู้และช่วยเปิดโลกในการทำเบเกอรี่และอาหารให้กับเชฟและเหล่านักอบได้เป็นอย่างดี หากเชฟหรือนักอบท่านไหนที่เบื่อกับการหาความรู้จากตำรา หรือการหาความรู้ในรูปแบบเดิม ๆ การหันมาหาความรู้จากภาพยนตร์หรือซีรีส์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจ แต่ถ้าผู้ประกอบการท่านไหนอยากจะหาวัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพดีที่คุ้มค่าคุ้มราคา ก็สามารถตามไปช้อปกับยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ ได้เลย
แนะนำวัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพ
สาระน่ารู้อื่นๆ เกี่ยวกับเบเกอรี่
สิ่งที่คุณจะได้รับ:
- ฟรี หลักสูตรอบรมด้านธุรกิจอาหารและการทำอาหาร
- สูตรอาหารและเคล็ดลับที่ดีที่สุดจากเชฟทั่วโลก
- เทรนด์การทำอาหารล่าสุด