แชร์กลยุทธ์เด็ดช่วยร้านเบเกอรี่เล็กเอาชนะร้านใหญ่
บอกต่อกลยุทธ์ดี ๆ ที่จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการเบเกอรี่รายเล็ก รายย่อยทั้งหลาย สามารถเอาชนะคู่แข่ง ที่เป็นร้านขนาดใหญ่ หรือแม้ร้านที่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน ให้ได้อย่างราบคาบ
ผู้ประกอบการทั้งหลายอาจจะพอทราบกันดีว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจ อาจจะทำได้ง่าย แต่การจะเอาชนะคู่แข่งร้านใหญ่ ๆ หรือร้านที่มีฐานลูกค้าหนาแน่น นั้นถือเป็นเรื่องที่ยาก แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร้านเล็กจะเอาชนะร้านใหญ่ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดส์ โซลูชั่นส์ จะพาผู้ประกอบการไปดูพร้อม ๆ กันว่า จะมีวิธีการไหน หรือกลยุทธ์ใดบ้าง ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กสามารถเอาชนะคู่แข่งที่เป็นร้านขนาดใหญ่ได้อย่างราบคาบ
ลักษณะของร้านขนาดเล็ก
กิจการหรือร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก เป็นธุรกิจที่มีรายได้ สินทรัพย์และพนักงานจำนวนน้อย ดำเนินธุรกิจโดยผู้ประกอบการรายย่อยที่มีความเป็นอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มธุรกิจใด ใช้เงินลงทุนต่ำ ซึ่งหลัก ๆ เป็นเงินทุนของเจ้าของร้าน หรือเจ้าของกิจการเอง หรือเงินทุนจากการกู้ยืมสินเชื่อจากธนาคาร ลักษณะของร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่จะถูกออกแบบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทันสมัย เน้นบริการเมนูเบเกอรี่แบบพร้อมทาน ส่วนใหญ่จะไม่เน้นปริมาณ และจำนวนของเมนู แต่จะเน้นไปที่รสชาติ คุณภาพ และความแตกต่างของเมนู
จุดแข็งของร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก
- ได้เริ่มต้นเรียนรู้ และเข้าใจถึงปัญหาในทุก ๆ ขั้นตอน ข้อดีข้อแรกของการเปิดร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก คือจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนของการเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่การเริ่มวางแผนในการทำร้าน การสร้างแบรนด์ การหาบุคลากร การสร้างสรรค์เมนูเบเกอรี่ การเริ่มทดลองขาย การแก้ปัญหาในเบื้องต้น การพัฒนาเมนูเบเกอรี่ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราได้อยู่กับธุรกิจที่เราเริ่มต้นสร้างด้วยมือของเราเองตั้งแต่ต้น จะทำให้เรามองเห็นทุกปัญหา ทุกการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับกิจการร้านเบเกอรี่ของเรานั่นเอง
- สามารถเข้าถึง และใกล้ชิดลูกค้าได้มากกว่า แน่นอนว่าร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ ย่อมไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกค้าอย่างทั่วถึง และสนิทสนมและเป็นกันเองได้เท่ากับร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก ดังนั้นผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กจึงควรใช้ข้อดีข้อนี้ให้เกิดประโยชน์ อาจจะอาศัยความไว้วางใจ ความสนิทสนมสอบถามถึงความต้องการที่แท้จริงจากลูกค้า เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาร้าน และเมนูเบเกอรี่ให้ดีและมีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ได้เริ่มต้นเรียนรู้ และเข้าใจถึงปัญหาในทุก ๆ ขั้นตอน
- สะดวก และง่ายกว่าเวลาปรับเปลี่ยน เนื่องจากการทำร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก ใช้เงินลงทุนไม่สูง เป็นข้อที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้ง่าย มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนร้านขนาดใหญ่ แถมยังปรับตัว ปรับเปลี่ยนแผนได้ง่ายรวดเร็วกว่า ด้วยความที่เป็นร้านขนาดเล็กจึงสามารถบริหารจัดการได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงบประมาณ กำลังคน การจัดการความคล่องตัวของร้าน รวมไปถึงการบริหารจัดการสต็อกสินค้า และสต็อกวัตถุดิบ
กลยุทธ์เด็ด ช่วยร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กเอาชนะร้านใหญ่
สินค้าต้องแตกต่างและมีความสร้างสรรค์ หากคิดจะสู้กับร้านเบเกอรี่ หรือแบรนด์เบเกอรี่ขนาดใหญ่ จำเป็นต้องครีเอตเมนูที่มีความสร้างสรรค์และแปลกใหม่ ที่สำคัญคือแต่ละเมนูจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ร้านอื่น หรือแบรนด์อื่นจะไม่สามารถทำตาม หรือเลียนแบบได้ง่าย ๆ เช่น อาจจะใช้วัตถุดิบคุณภาพดี วัตถุดิบที่มีความแตกต่าง หรือวัตถุดิบที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
ให้ความสำคัญกับรสชาติและคุณภาพของสินค้า เนื่องจากร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กมักจะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ปริมาณในการผลิต กล่าวคือในการผลิตหรือทำเบเกอรี่แต่ละครั้งร้านขนาดเล็กอาจจะไม่ได้ผลิตในปริมาณมาก ๆ เท่าร้านขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงง่ายต่อการควบคุมในเรื่องของรสชาติ และคุณภาพได้ง่ายกว่าร้านขนาดใหญ่ ดังนั้นผู้ประกอบการร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กจึงสามารถที่จะนำข้อได้เปรียบตรงนี้ มาใช้เป็นเครื่องมือ หรือตัวช่วยในการเอาชนะร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ได้อย่างขาดลอย
โฟกัสลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก่อนอื่นต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่า การเปิดร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กอาจจะไม่สามารถทำให้ผู้คนหรือจัก หรือเข้าถึงสินค้าได้มาก และทั่วถึงเท่ากับร้านเบเกอรี่หรือแบรนด์เบเกอรี่ขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจนเลยว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือใคร เบเกอรี่ที่ทำออกมาต้องการจะขายให้ใคร และความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราคืออะไร เมื่อเรามีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ก็จะเป็นเรื่องง่ายในการสู้ หรือรับมือกับร้านหรือแบรนด์ขนาดใหญ่
เลือกทำเลที่ตั้งร้านได้เหมาะสม การเลือกทำเลที่ตั้ง ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเปิดร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก เพราะถึงแม้จะเป็นร้านเล็ก หรือยังไม่มีชื่อเสียงเท่ากับแบรนด์ใหญ่ ๆ แต่ถ้าหากตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ง่ายต่อการพบเห็น เป็นที่ที่คนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะถ้าในบริเวณนั้นมีพื้นที่ให้จอดรถอย่างเพียงพอ ก็จะยิ่งเป็นแต้มต่อที่ดีสำหรับร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก เพราะการที่ทำเลดีและมีที่จอดรถเพียงพอ จะช่วยให้ลูกค้าเลือกที่จะแวะเข้าไปอุดหนุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
บริการด้วยใจ ใส่ใจลูกค้า ข้อได้เปรียบของร้านเบเกอรี่ขนาดเล็กคือผู้ประกอบการสามารถพูดคุย และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ง่ายกว่าร้านเบเกอรี่ หรือแบรนด์เบเกอรี่ขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงควรนำข้อได้เปรียบนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ อาจจะเริ่มด้วยการชวนลูกค้าพูดคุยสร้างความสนิทสนม สอบถามความต้องการของลูกค้า แสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจที่มีต่อลูกค้า กล่าวคือนอกจากจะให้ความสำคัญกับรสชาติและคุณภาพของเบเกอรี่แล้ว ผู้ประกอบการควรคำนึงไว้เสมอว่า การใส่ใจในบริการ และเทคนิคในการมัดใจลูกค้า ก็ถือเเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเอาชนะคู่แข่ง เพราะการบรริการด้วยใจ และรู้เทคนิคดี ๆ ในการมัดใจลูกค้าจะช่วยสร้างความประทับใจ และภาพจำที่ดีให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และความประทับใจของลูกค้า ก็ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ร้านเล็ก ๆ สามารถเอาชนะร้านเบเกอรี่ หรือแบรนด์เบเกอรี่ขนาดใหญ่ได้เช่นกัน
ขยันทำการตลาด ให้ร้านเป็นที่รู้จัก แม้จะเป็นร้านเล็ก ก็สามารถทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้ด้วยการโปรโมต โฆษณาร้านผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ หากผู้ประกอบการร้านเล็ก ๆ ยังไม่มีงบหรือทุนในการทำโฆษณา หรือโปรโมตด้วยวิธีการที่ร้านใหญ่ ๆ ทำ ก็อาจจะเริ่มจากการแนะนำแบบปากต่อปาก หรืออาจจะใช้สื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ เพราะในยุคปัจจุบันมีสื่อโซเชียลหลากหลายแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ในการโปรโมตโฆษณาสินค้า และร้านเบเกอรี่ให้เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE Official, Twitter, TikTok, Instagram และ Instagram Reels ผู้ประกอบการอาจจะลองใช้ทุกแพลตฟอร์ม หรืออาจจะลองวิเคราะห์ว่าแพลตฟอร์มไหนที่จะสามารถสื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายของเราที่สุด เช่น ถ้าหากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือวัยทำงาน ก็อาจจะเน้นโปรโมตร้านด้วยคลิปวิดีโอสั้น ๆ ผ่าน Instagram และ TikTok ก็อาจจะได้สื่อสารได้ตรงกลุ่มมากกว่า เพราะในปัจจุบัน วัยรุ่น และกลุ่มคนวัยทำงานนิยมเสพสื่อโซเชียลในรูปแบบของคลิปวิดีโอสั้น ๆ มากกว่าการดูแค่รูปภาพ หรือแค่การอ่านบทความที่มีเนื้อหาแบบยาว ๆ นั่นเอง
ใช้การตลาดแบบปากต่อปาก การบอกต่อจากลูกค้าคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง อาจจะดูเป็นวิธีเชย ๆ แต่เป็นวิธีที่สร้างความน่าเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะเป็นการบอกต่อจากลูกค้าที่เคยได้ลองทาน หรือลูกค้าที่มีประสบการณ์ตรงกับร้านนั้น ๆ มาแล้ว แม้ว่าร้านขนาดใหญ่ อาจจะมีเงินมาลงทุนวางแผนการตลาดหลากหลายรูปแบบ แต่ลูกค้าจะเชื่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวลูกค้าที่บริโภคสื่อเอง เห็นได้จากการที่ร้านเบเกอรี่ที่เคยเปิดขายมาตั้งแต่ในยุคก่อน ๆ ที่ยังไม่มีเทคโนโลยี หรือสื่อโซเชียลให้ใช้เป็นเครื่องมืออย่างในยุคนี้ แต่ร้านเบเกอรี่หลาย ๆ ร้านก็ยังสามารถดำเนินกิจการมาได้ถึงทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังในการบอกต่อแบบปากต่อปากได้อย่างชัดเจน ดังนั้น เมื่อเราเป็นร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรง จากร้านขนาดใหญ่มากมาย การตลาดแบบปากต่อปาก ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ โดยที่ไม่ต้องลงทุนกับการโปรโมตโฆษณา
ตั้งราคาให้เหมาะสมกับสินค้า สิ่งหนึ่งที่ร้านใหญ่ หรือเบเกอรี่แบรนด์ใหญ่ ๆ เหนือกว่าร้านขนาดเล็กคือ ราคา แบรนด์ใหญ่ หรือร้านใหญ่มักจะขายสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าร้านเล็ก ๆ เนื่องจากร้านใหญ่มักจะเน้นผลิต หรือทำเบเกอรี่ออกมาขายในปริมาณมากกว่า ส่งผลให้ต้นทุนค่าวัตถุดิบ และต้นทุนในการผลิตถูกกว่า จึงสามารถขายได้ในราคาที่ต่ำกว่าเบเกอรี่จากร้านเล็ก ๆ เพราะฉะนั้นหากเบเกอรี่ร้านเล็ก ๆ ไม่สามารถขายเบเกอรี่ได้ในราคาถูกเทียบเท่ากับร้านใหญ่ ๆ ก็แนะนำให้ปรับคุณภาพ หรือปริมาณของสินค้าให้สมกับราคาที่ลูกค้าต้องจ่าย เพราะถึงแม้ว่าต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่า แต่ถ้าหากคุณภาพและรสชาติคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย ลูกค้าก็สามารถเข้าใจและยอมรับได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้ามองเห็น และรับรู้ได้ถึงคุณภาพ และความคุ้มค่าที่มากกว่า ก็จะทำให้ลูกค้าหันมาอุดหนุนเบเกอรี่จากร้านเล็ก ๆ มากกว่าจะที่จะเลือกอุดหนุนเบเกอรี่จากร้านใหญ่ ๆ ก็เป็นได้ และสำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตั้งราคาสินค้าอย่างไรให้เหมาะสมก็สามารถตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เทคนิคการตั้งราคาเบเกอรี่ เพิ่มกำไร ไม่ให้ขาดทุน เป็นบทความดี ๆ ที่จะช่วยแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ในการตั้งราคาสินค้าให้กับผู้ประกอบการ
หมั่นพัฒนาและปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ประโยคนี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจเบเกอรี่ได้เช่นกัน กล่าวคือร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ก็สามารถเอาชนะร้านใหญ่ได้ หากรู้ว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งคืออะไร และสิ่งที่จะทำให้เรารู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งได้นั่นก็คือการออกไปทดสอบด้วยตนเอง อาจจะออกไปลองชิมเมนูเดียวกันกับที่ร้านเราขาย เช่นร้านเรามีโดนัท ส่วนร้านใหญ่ก็มีโดนัทเป็นเมนูแนะนำ เราก็ลองไปหามาชิมดูว่าโดนัทของเขากับของเราแตกต่างกันอย่างไร มีส่วนไหนที่ของเราด้อยกว่า และเด่นกว่า จากนั้นก็ลองนำข้อด้อยของเรามาปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะกี่ร้านใหญ่ก็ล้มร้านเล็ก ๆ อย่างเราไม่ได้อยู่ดี
ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก แต่ถ้าหากผู้ประกอบการใส่ใจและให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าและบริการ พร้อมทั้งไม่หยุดยั้งที่จะเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดธุรกิจ การเอาชนะร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และสำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่อยากจะพัฒนาเบเกอรี่ให้ปังยิ่งขึ้น ก็อย่าลืมเลือกใช้วัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพดี มาไว้ใช้สร้างสรรค์เมนูเบเกอรี่ให้อร่อย และมีคุณภาพ ไว้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า จะได้เอาชนะคู่แข่งได้อย่างขาดลอย
กลับสู่ เคล็ดลับของคนเบเกอรี่
แนะนำวัตถุดิบเบเกอรี่คุณภาพ
เคล็ดลับอื่นๆ สำหรับผู้ประกอบการเบเกอรี่
สิ่งที่คุณจะได้รับ:
- ฟรี หลักสูตรอบรมด้านธุรกิจอาหารและการทำอาหาร
- สูตรอาหารและเคล็ดลับที่ดีที่สุดจากเชฟทั่วโลก
- เทรนด์การทำอาหารล่าสุด