บรรจุภัณฑ์อาหาร ควรเลือกใช้แบบไหนเพื่อความปลอดภัยได้คุณภาพ

อาหารที่ร้านจะอร่อยแค่ไหน ก็มีสิทธิ์ตกม้าตายเพราะบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน อย่าใช้ของคุณภาพไม่ดี จนลูกค้าพากันเบือนหน้าหนี วันนี้ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ จึงมีหลายตัวเลือกบรรจุภัณฑ์มาแนะนำ ที่ทั้งดี ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกค้า และคุ้มค่ากับการลงทุน ลดต้นทุนได้หากสั่งซื้อมาใช้ในปริมาณมาก แถมยังรักษ์โลก ช่วยให้ภาพลักษณ์ของร้านดีขึ้นรับเทรนด์รักโลกได้อีกด้วย

1 บรรจุภัณฑ์อาหารทำจากกระดาษ

กระดาษเคลือบแว๊กซ์ หรือ กระดาษเคลือบพลาสติก ซึ่งสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ แต่ทำได้แค่อุ่นเบา ๆ หากจำเป็นต้องเลือกใช้กล่องพลาสติก เพื่อให้ลูกค้านำเข้าไมโครเวฟได้ ให้สังเกตสัญลักษณ์สามเหลี่ยม และอักษร PP ว่าสามารถอุ่นในความร้อนได้ในระดับใด เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

แต่ด้วยความที่บรรจุภัณฑ์กลุ่มนี้ไม่สามารถกันน้ำและน้ำมันได้ดีนัก จึงเหมาะกับอาหารบางกลุ่มเท่านั้น ดังนั้น เพื่อป้องกันการรั่วซึมของอาหารบางชนิด จึงควรปูกระดาษไขไว้ด้านใต้ของอาหาร 

ประเภทอาหารที่เหมาะกับภาชนะ

• ข้าวมันไก่
• อาหารแห้ง เช่น ข้าวเหนียวไก่ทอด ข้าวเหนียวหมูสวรรค์
• เบเกอรี่ เช่น แซนด์วิช

ข้อดี

• น้ำหนักเบา สะดวกต่อการขนส่ง
• ย่อยสลายง่าย
• ราคาไม่สูง

ข้อควรระวัง 

กรมอนามัยได้มีการออกมาเตือนว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารควรเลือกใช้ภาชนะกระดาษที่ผลิตเพื่อบรรจุอาหารโดยเฉพาะเท่านั้น เนื่องจากกระดาษบางประเภทมีสารอันตรายตกค้าง ซึ่งสามารถปนเปื้อนสู่อาหาร และส่งผลเสียต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีบ้างร้านที่มักจะใช้ถุงกระดาษที่มีลวดลายจากหมึกพิมพ์มาใส่อาหารร้อน หารู้ไม่ว่า น้ำมันร้อน ๆ คือตัวที่จะเข้าไปละลายสารตะกั่วจากหมึกพิมพ์ให้มาปนเปื้อนในอาหาร อาจก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง ส่งผลเสียต่อการทำงานของไต ไปจนถึงกล้ามเนื้อหยุดทำงานจนเป็นอัมพาตได้อีกด้วย เจ้าของร้านอาหารจึงควรใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

2 บรรจุภัณฑ์อาหารทำจากวัสดุจากธรรมชาติ

เทรนด์รักษ์โลกมาแรง การใช้วัสดุจากธรรมชาติแบบสมัยก่อน ก็ย้อนกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

บรรจุภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ภาชนะใบตอง ด้วยความที่ใบมีขนาดใหญ่ สัมผัสนุ่ม จึงนำมาพับเป็นบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย แนะนำให้ใช้วิธีปิดห่อด้วยไม้กลัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่นำไปรับประทาน 

ประเภทอาหารที่เหมาะกับภาชนะใบตอง ได้แก่ อาหารประเภทข้าว หรืออาหารแห้ง ซึ่งทำให้อาหารมีกลิ่นหอมจากใบไม้ สร้างความแตกต่าง และเป็นจุดขายได้ เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคู หรือ ผัดไทย เป็นต้น

บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ภาชนะที่ทำจากเยื่อกระดาษชานอ้อย ซึ่งผลิตจากธรรมชาติ 100% ไม่มีการฟอกสี ทำให้มีสีขาวหม่น ไม่ขาวเหมือนกับโฟม ทนความเย็นได้ดี และทนความร้อนได้สูงถึง 220 องศาเซลเซียส จึงสามารถใช้ในไมโครเวฟได้ โดยไม่ก่อสารอันตรายปนเปื้อนในอาหาร ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติภายใน 45 วัน

ถ้วยชามใยกล้วย/กาบกล้วย ภาชนะที่เกิดจากการนำเอาเส้นใยที่อยู่ในกาบกล้วยมาผลิต เพราะเส้นใยของกล้วยนั้นสามารถกินได้ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และใช้เวลาไม่นานในการย่อยสลายตามธรรมชาติ

ข้อดี

• แสดงจุดยืนรักษ์โลกของร้านได้อย่างชัดเจน
• ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติในเวลารวดเร็ว

3 บรรจุภัณฑ์อาหารแบบใช้ปิ่นโต

มีหลายร้านในกรุงเทพฯ ที่เริ่มหันมาใช้ภาชนะรูปแบบนี้ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนจากการใช้พลาสติก และลดการเพิ่มจำนวนขยะสู่โลก เพราะเป็นภาชนะหมุนเวียน ซึ่งล้างให้สะอาดแล้วสามารถนำมาใช้ใหม่ได้

โดยควรเลือกที่ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง ยากต่อการเกิดสนิม สำหรับร้านอาหารบางร้านที่ขายอาหารให้ลูกค้าเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน ซึ่งมีทั้งร้านอาหารไทย และในต่างประเทศที่หันมาใช้ปิ่นโตในการแพ็กอาหารกลับบ้าน หรือส่งเป็น Delivery ในช่วงโควิด และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน แถมลูกค้ายังให้ความสนใจและใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ประเภทอาหารที่เหมาะกับภาชนะ

อาหาร 1 มื้อที่มีหลากหลายอย่าง ทั้งของคาว ของหวาน รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ

ข้อดี

• ใส่อาหารได้หลากหลายเมนู แยกชั้นชัดเจน ไม่ปะปนกัน
• ใส่อาหารที่มีน้ำ จำพวก ต้ม แกง เป็นส่วนประกอบได้ ไม่ต้องกลัวหก
• ปิ่นโตหนึ่งใบสามารถช่วยลดจำนวนขยะที่ใช้แล้วทิ้งลงได้ถึงอย่างน้อยวันละ 6 ใบต่อคน

อ่านกันมาถึงตรงนี้ ถ้าพอจะมีไอเดียอยากเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบรักษ์โลกกันแล้ว ก็อย่าลืมเลือกที่เหมาะกับชนิดของอาหารที่ร้านของคุณ 

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทไหนก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดที่ถูกสุขอนามัย และความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมาเป็นอันดับหนึ่ง

นอกจากเรื่องของบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารแล้ว ยังมีอีกหลากหลายเรื่องให้ผู้ประกอบการร้านอาหารยุคใหม่ได้เรียนรู้และปรับตัว สามารถลงทะเบียน เรียนออนไลน์ฟรี ได้ทันทีกับเชฟ