เคยสงสัยไหม? ขายได้กำไรก็ดี แต่ทำไมลองมาคำนวณอีกที ต้นทุนไม่เหลือเลย หากคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งคิดว่าร้านเราผิดหลักฮวงจุ้ย หรือต้องไปไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ลองหันมาดูจำนวนขยะเหลือทิ้งจากอาหาร หรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ภายในร้านก่อน เพราะขยะอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนของร้าน อาจทำให้ร้านกำไรหดได้ไม่รู้ตัว
1. เมื่อได้วัตถุดิบมา ให้จัดตามวันหมดอายุ และใช้แบบ First in first out
การจัดสต๊อกให้เป็น เป็นทริคที่เรียกได้ว่าเวิร์คที่สุด วิธีนี้จะช่วยลดขยะอาหารส่วนเกินได้ เพราะขยะอาหารเหล่านี้ก็คือ ‘ต้นทุน’ คือเงินทั้งนั้น เพราะฉะนั้นควรมีการวางแผนวิธีการจัดสต๊อกที่ดี มีความเข้าใจในเรื่องการจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร วัตถุดิบอันไหนมาก่อน ก็ควรได้นำออกไปใช้ก่อน หรือ First In, First Out (FIFO) เพื่อทำให้การบริหารจัดการวัตถุดิบเป็นระบบมากขึ้น ลดการสูญเสียโดยที่ยังไม่ได้นำไปใช้
เราสามารถแปะฉลาก วัน เดือน ปี ไว้เพื่อให้รู้ว่าวัตถุดิบไหน มาก่อนหลัง มีอายุอยู่ได้นานเท่าไหร่ หรือจะบันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ก็ย่อมได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านอย่างเรา ๆ ห้ามลืมเด็ดขาด นั่นก็คือการเทรนด์พนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในการอ่านฉลากด้วย เพราะฉลากมีความแตกต่างกัน และเกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย
- ฉลากที่กำกับว่า BBE หรือควรบริโภคก่อน ซึ่งหมายถึงอาหารหรือวัตถุดิบนั้น จะมีคุณภาพ และรสชาติที่คงเดิมไปจนถึงวันที่ระบุไว้ ซึ่งหลังจากวันที่กำหนด ยังสามารถนำมาใช้ได้ แต่คุณภาพอาจจะลดลง แต่ไม่เป็นอันตราย
- ฉลากที่กำกับว่า EXP ซึ่งระบุวันหมดอายุเลย ต้องทิ้งเลย ดังนั้น ฉลาก BBF วัตถุดิบบางอย่าง มีการพิจารณาอีกครั้งแล้วว่า ยังสามารถนำมาใช้ต่อเนื่องได้ ไม่เป็นอันตราย ก็จะเป็นการช่วยลดขยะอาหาร ให้กับร้านได้
2. จัดเมนูโปรโมชัน รังสรรค์เมนูใหม่จากวัตถุดิบเคลียร์สต๊อก
ขอบอกเลยว่าทริคนี้ มีแต่ได้กับได้ ลองคิดเมนูใหม่ ๆ หรืออาจเป็นเมนูเดิม แต่เปลี่ยนวัตถุดิบก็ได้ จากนั้นจัดโปรโมชั่นเลือกวันพิเศษหนึ่งวันในสัปดาห์ มาจัดเซตสุดคุ้ม หรือจะเป็นเมนูเดี่ยวก็น่าสนใจ
ลูกค้าก็มีความตื่นตาตื่นใจกับเมนูใหม่ ๆ ด้วย และก็ยังได้ทานเมนูที่มีคุณภาพอยู่ แต่จ่ายในราคาที่ถูกลง แถมร้านก็ได้เคลียร์สต๊อก ลดขยะอาหารไปในตัวด้วย ต้นทุนลดลง เผลอ ๆ อาจจะได้กำไรจากเมนูใหม่ไปอีก
3. ใช้ผงปรุงรสแทนการใช้วัตถุดิบหลัก
ใครเปิดร้านอาหารไทยก็คงรู้กันว่าการทำอาหารไทยนั้น วัตถุดิบเยอะขนาดไหน โดยเฉพาะเมนูที่มีการหมัก หรือการปรุงรส หากจะให้รสชาติออกมาอร่อยนัวร์ และสมบูรณ์
ผงปรุงรสที่ดีควรใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ให้ทุกจานมีรสชาติอร่อยเข้มข้น มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ทำได้ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด นึ่ง ทอด หรือยำ ต่อยอดได้สารพัดเมนู การใช้ผงปรุงรสยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น
- ประหยัดเวลา: ผงปรุงรสที่ดีจะช่วยให้เราสามารถปรุงอาหารได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา สามารถแทนการใช้ผลิตภัณฑ์ของสด หรือของที่ต้องใช้เวลาเตรียมเองได้ เพื่อช่วยลดขั้นตอนในการเตรียมวัตถุดิบและย่นเวลาในการปรุงอาหารได้เร็วขึ้น
- ประหยัดงบประมาณ: การเตรียมวัตถุดิบเองมีผลต่อต้นทุนแน่นอน เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารบางอย่างมีเฉพาะฤดูกาล เมื่อขาดแคลน ต้นทุนจากวัตถุดิบจึงสูงขึ้น ดังนั้น ผงปรุงรสที่ดีจะช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารประหยัดงบประมาณ ซึ่งราคาของผงปรุงรสจะคงที่ตลอดทั้งปี ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างวัตถุดิบสด
- รสชาติคงที่ ควบคุมได้: แน่นอนว่าเจ้าของร้านอย่างเราต้องมั่นใจได้ว่าทุกจานที่เสิร์ฟลูกค้า รสชาติต้องคงที่ได้มาตรฐาน ดังนั้น ผงปรุงรสที่ดีจึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ทุกๆ จานรสชาติคงที่ตามสูตรของร้าน
เคล็ดลับ : เลือกใช้ 3 เกลอพร้อมใช้ตราคนอร์ แทนการโขลก 3 เกลอเอง หรือเป็น ผงรสมะนาว ตราคนอร์ ที่รสชาติเปรี้ยวเข้มข้น ได้รส และกลิ่นมะนาวแท้ อีกทั้งยังมี ซอสมะขามเปียกเข้มข้น ตราคนอร์ ที่เปิดแล้วใช้ได้เลย รสชาติเข้มข้น ได้รสมะขามเปียกแท้
4. เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เป็น Eco - Packaging
นอกจากการใช้ Eco - Packaging จะย่อยสลายง่าย ไร้สารปนเปื้อนแล้ว ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ก็ยังราคาไม่แพง ซึ่งเราสามารถเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ภายในร้าน นอกจากช่วยสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ช่วยประหยัดต้นทุนร้านด้วยนะ
เคล็ดลับ : ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุง ตราคนอร์ สามารถเก็บไว้ใช้ได้โดยแนะนำให้เก็บในที่แห้ง และเย็นได้สูงสุดไม่เกิน4สัปดาห์ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์เครื่องปรุง ตราคนอร์ เป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก สามารถผ่านกระบวนการ Recycle และนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย
รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมนำทริคที่ได้ไปลองปรับใช้กับร้านอาหารของคุณ เพราะนอกจากต้นทุนจะไม่หายแล้ว ยังสามารถต่อยอดในการวางแผนจัดระบบภายในร้านให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง:
.jpg "ผงรสมะนาว ตราคนอร์ 400 กรัม")
